ใช้เงินเลือกซื้อบ้านอย่างไรให้คุ้ม

ใช้เงินเลือกซื้อบ้านอย่างไรให้คุ้ม

การเลือกซื้อบ้านต้องเรียกว่าไม่ง่ายอย่างที่เราๆ นึกกัน ไม่ใช่ว่ามีแค่เงินก็จะซื้อได้ เพราะการเลือกซื้อบ้านมีองค์ประกอบและปัจจัยหลายๆ อย่าง หากเราเลือกซื้อผิด ไม่ได้คิดให้รอบครอบไม่ได้ประเมินข้อสำคัญๆ ต่างๆ ก็อาจจะทำให้เสียทรัพย์ เสียความรู้สึก หรือถึงขั้นต้องเสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อฟ้องร้องกันเลยทีเดียว อันดับแรกเลยหากท่านจะเลือกซื้อบ้าน เราต้องมีปัจจัยพื้นฐานที่เราต้องการก่อน อย่างคร่าวๆ คือ

  1. ทำเล ทำเลที่ต้องการว่าอยู่ย่านไหน ละแวกไหน ซึ่งท่านก็ต้องดูความจำเป็นของการมีทำเลที่อยากได้ เช่น ใกล้โรงเรียนของลูก ใกล้ที่ทำงาน ใกล้บ้านพ่อแม่ และทำเลที่เลือกต้องมั่นใจว่าไม่มีการเวรคืนที่ดินสร้างทางด่วน หรือโครงการใดๆ ของรัฐบาล มิฉะนั้นท่านอาจจะต้องมองหาบ้านอีกหลังและเริ่มต้นใหม่เป็นแน่แท้
  2. ขนาดของบ้าน ว่าต้องการกี่ห้องนอน (เรามักจะเล็งเห็นความสำคัญของจำนวนห้องนอนเป็นหลักก่อนเสมอ ว่าจำนวนห้องนอนจะเพียงพอกับสมาชิกในบ้านหรือไม่) จำนวนห้องน้ำ และพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ที่ต้องคำนึงเช่นกัน อาทิ ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของ ห้องทำงาน หรือห้องพระ
  3. งบประมาณ หากงบประมาณและกำลังความสามารถของท่านไม่เพียงพอ ท่านก็อาจจะต้องพิจารณาสองข้อข้างต้นใหม่ เพราะทุกข้อมักจะสัมพันธ์กันเสมอ งบประมาณเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากท่านไม่มีเงินสดหรือเงินสำรอง การผ่อนบ้านถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องด้วยดอกเบี้ยการซื้อผ่อนบ้านนับว่าสูงมากกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีกทั้งระยะเวลาการผ่อนก็เกิน 20 ปีขึ้นไปเป็นส่วนมาก ดังนั้นท่านที่ต้องการผ่อนบ้านแต่อายุมากเกินที่ธนาคารผู้ให้กู้กำหนด ก็อาจจะมีปัญหาถึงงบประมาณที่กู้ได้เช่นกัน
  4. เจ้าของโครงและ/หรือผู้รับเหมา ประเด็นนี้ค่อนข้างสำคัญ เราต้องศึกษาถึงประวัติและความเป็นมาเป็นไปของเจ้าของโครงการที่สร้างบ้านที่เราต้องการจะซื้อ บางโครงการมีชื่อเสียงดีเป็นที่รู้จัก สร้างบ้านมาหลายร้อยหลังคาเรือนมาแล้ว แต่มีปัญหากับผู้รับเหมาเป็นประจำ เพราะเวลาประมูล มักจะกดราคาผู้รับเหมา ผู้รับเหมาที่จำใจต้องรับทำก็จะเลือกคุณภาพของวัสดุต่ำลงและมาตรฐานการก่อสร้างไม่ดีเท่าที่ควร บ้านที่เราจะซื้อก็จะมีปัญหาในภายหลังได้ บางครั้งผู้รับเหมาก็จะกลั่นแกล้ง สร้างบ้านที่มีแต่ปัญหา วางยาในจุดต่างๆ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยประสบแต่ปัญหาเพื่อโครงการจะได้เสียชื่อเสียงหรือต้องเสียเงินและเวลาในการแก้ไข ซึ่งเราก็มักพบกรณีนี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือตามกระทู้ต่างๆ กันบ่อยๆ
  5. หากเป็นบ้านมือสอง เราอาจจะต้องตรวจสอบประวัติของผู้อยู่ก่อน โดยเฉพาะคนไทยที่มักเชื่อในเรื่องของศาสตร์เร้นลับอาจจะต้องมีการเชิญอาจารย์ที่ถนัดดูฮวงจุ้ยมาช่วยดู